รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ ของพยาบาลวิชาชีพในเครือข่ายสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนากรอบแนวคิดรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของพยาบาลวิชาชีพในเครือข่ายสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อตรวจสอบสมมติฐานความสัมพันธ์เชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของพยาบาลวิชาชีพ และ 3) เพื่อตรวจสอบยืนยันรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ ของพยาบาลวิชาชีพในเครือข่ายสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดและเครือข่าย จำนวน 590 คน โดยสุ่มจากโรงพยาบาล 50% ของโรงพยาบาลในเครือข่ายสุขภาพ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้จำนวน 10 แห่ง หลังจากนั้นคำนวณสัดส่วนขนาดตัวอย่างเป็นรายโรงพยาบาล และสุ่มรายชื่อบุคลากรในแต่ละโรงพยาบาลตามสัดส่วน โดยการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสัมภาษณ์จากร่างตัวแบบเชิงสมมุติฐานชั่วคราว แบบสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงปริมาณ และแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของร่างความสัมพันธ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเบ้ ค่าความโด่ง มัธยฐาน พิสัยระหว่างควอไทล์ การยืนยันโดยการอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ และวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล (Path analysis) โดยใช้โปรแกรม AMOS
ผลการวิจัยพบว่า
1. กรอบแนวคิดรูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของพยาบาลวิชาชีพในเครือข่ายสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด ประกอบด้วยตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรงอย่างเดียวมี 3 ตัวแปร คือการมีวิสัยทัศน์ ความไว้วางใจและแรงจูงใจภายใน และตัวแปรที่มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ คือ การมีวิสัยทัศน์
2. รูปแบบเชิงสมมติฐานมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์พิจารณาจากค่า CMIN/df เท่ากับ 1.116ค่า p-value เท่ากับ 0.274 GFI เท่ากับ 0.986 AGFI เท่ากับ 0.972 RMR เท่ากับ 0.010 RMSEA เท่ากับ 0.015 NFI เท่ากับ 0.991 TLI เท่ากับ 0.998 และ CFI เท่ากับ 0.999 อิทธิพลรวมของตัวแปรสาเหตุที่ส่งผลต่อภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์มากที่สุด คือ การมีวิสัยทัศน์ และการมีความไว้วางใจ ตามลำดับ องค์ประกอบทั้งหมดอธิบายความแปรปรวนของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของพยาบาลวิชาชีพได้ ร้อยละ 91.90
3. ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่ารูปแบบมีความสอดคล้อง (Mdn = 5.00, IR = 0.00) และมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (ร้อยละ 92.30)
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
References
นิกัญชลา ล้นเหลือ. (2554). โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น.
วรรณภา ประไพพานิช สุปาณี เสนาดิสัย และ ยุวดี ฦๅชา. (2550). การคงอยู่ของพยาบาลในสถานบริการ สุขภาพของรัฐ. กรุงเทพฯ : กราฟิโกซิสเต็มส์.
วิจิตร ศรีสุพรรณ และ กฤษดา แสวงดี. (2555). ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาล วิชาชีพในประเทศไทย. วารสารสภาการพยาบาล. 27(1), 5-12.
สภาการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข. (2555). มาตรฐานกำหนดตำแหน่งสายงานพยาบาล. กรุงเทพฯ : จุดทองจำกัด.
สุพรรณี พุ่มแฟง. (2558). ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดในงานของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลตติยภูมิ. วารสารเกื้อการุณย์. 22(2), 140-153.
สุภาพ ฤทธิ์บารุง. (2556). ภาวะผู้นาเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อความมีประสิทธิผล ของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 30. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์, มหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น.
สมบัติ กุสุมาวลี. (2556). การสำรวจแนวคิดภาวะผู้นำในองค์กรระดับศึกษาจาก Harvard Business Review 2010–2012 ใน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (บรรณาธิการ). กรุงเทพฯ : สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์.
สุวิณี วิวัฒน์วานิช. (2556). การขาดแคลนพยาบาลกับการเป็นโรงพยาบาลดึงดูดใจ : ประเด็นท้าทายสำหรับ ผู้บริหารการพยาบาล. วารสารพยาบาลศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 23(1), 1-12.
DuBrin, A. J. (2007). Leadership : Research Findings, Practice, and Skills. 5thed. Boston : Houghton Mifflin.
Hughes, H., Williamson, K. and Lloyd, A. (2007). Critical incident technique. In : L. Suzanne (Ed.). Exploring methods in information literacy research. (pp. 49-66). Charles Sturt University: N.S.W.
Lee, V. and Henderson, MC. (1996). Occupational stress and organizational commitment in nurse administrators. Journal of Nursing Administration. 26(5), 21–28.
Moustaka, E. and Constantinidis, TC. (2010). Sources and effects of Work-related stress in nursing. Health Science Journal. 4(4), 210-216.