การสร้างฐานข้อมูล นวัตกรรม และการใช้ประโยชน์จากการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุ ในจังหวัดกำแพงเพชร
คำสำคัญ:
นวัตกรรม, การละเล่นพื้นบ้าน, การแสดงการละเล่นพื้นบ้านบทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อสร้างฐานข้อมูลการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร 2) เพื่อสร้างนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร และ 3) เพื่อประเมินผลการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร งานวิจัยครั้งนี้มีวิธีดำเนินการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 400 คน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการละเล่นพื้นบ้านในจังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ปราชญ์ชาวบ้าน และนักวิชาการ จำนวน 6 คน
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1) พบว่า ผู้สูงอายุมีความต้องการการละเล่นประเภทที่เน้นทักษะด้านการพูด/การร้อง ค่าเฉลี่ย 4.44 เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยบริหารร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ค่าเฉลี่ย 4.68 ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2) พบว่า นวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร คือ “การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน” โดยเป็นการนำกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน จำนวน 3 กิจกรรมมาถ่ายทอดให้กับผู้สูงอายุและมีการประยุกต์ให้มีลักษรณะเป็นการแสดง โดยการละเล่นพื้นบ้านดังกล่าว คือ 1. รำโทนพื้นบ้าน ซึ่งจะปรากฏอยู่ในเฉพาะพื้นที่ตำบลไตรตึงษ์เท่านั้น จากการสืบค้นหลักฐานพบว่ามีมาไม่ต่ำกว่า 90 ปี มีลักษณะเหมือนรำวงทั่วไปแต่เนื้อหา ทำนองเพลง และคำร้องจะมีการพูดถึงวิถีชีวิตคนพื้นถิ่น ภูมิศาสตร์ และความเป็นอยู่ 2. ระบำ ก ไก่ มีมาไม่ต่ำกว่า 90 ปี หรือมากกว่า ใช้ตัวอักษร ก ถึง ฮ ในการทำเนื้อร้อง คล้ายเพลงพวงมาลัยของภาคกลาง มีการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิงในเนื้อเพลง และ 3. รำคล้องช้าง มีการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิงในเนื้อเพลงเช่นเดียวกับระบำ ก ไก่ โดยฝ่ายหญิงใช้ผ้าคล้องคอฝ่ายชายขณะร้องและรำบนเวที โดยสลับกันร้องและรำระหว่างหญิงชาย การละเล่นพื้นบ้านมีการถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลังด้วยการบูรณาการให้เข้ากับวิชาการเรียนของโรงเรียน และจังหวัดกำแพงเพชรเองก็มีการจัดเวทีให้มีการละเล่นพื้นบ้านด้วยเช่นกัน นอกจากการถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังแล้วการละเล่นพื้นบ้านดังกล่าวก็มีการนำมาถ่ายทอดให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชรและก่อให้เกิดเป็นนวัตกรรม “การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน” โดยมีการประยุกต์รูปแบบการละเล่นพื้นบ้านทั้ง 3 กิจกรรมดังกล่าว โดยมีการแปลงท่ารำมาตรฐานให้เป็นท่าเต้นที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการออกกำลังกาย ฝึกทักษะ สนุกสนาน และเพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ยังมีการนำเพลงพื้นบ้านมาปรับใส่เสียงเครื่องดนตรีให้มากขึ้น มีการร้องและบันทึกใหม่ มีการบันทึกเทปเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูล นำส่งและเผยแพร่ให้กับชมรมผู้สูงอายุทุกอำเภอในจังหวัดกำแพงเพชร ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 3) พบว่า สำหรับต้นทุนค่าเสียโอกาสของนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านของผู้สูงอายุในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชรนั้น จากการที่ไม่ค่อยได้พบเจอและร่วมพูดคุยกันเนื่องจากไม่ค่อยมีกิจกรรมที่ทำให้ผู้สูงอายุมารวมกลุ่มกันได้บ่อยๆ สามารถทำให้ผู้สูงอายุเสียโอกาสในด้านสุขภาพจิตที่ก่อให้เกิดความสุขทางใจ แต่ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ
เอกสารอ้างอิง
เมธาวี จำเนียร และคณะ. (2563). การใช้สื่อการแสดงพื้นบ้านเพื่อการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุใน ยุคดิจิทัล. สืบค้นจาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jpcru/article/view/225097 สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564.
สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์ และคณะ. (2553). นวัตกรรม: ความหมาย ประเภท และความสำคัญต่อการเป็นผู้ประกอบการ. สืบค้นจาก http://www.jba.tbs.tu.ac.th/files/Jba128/Article/JBA128Somnuk.pdf สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564.
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (2516). เล่มที่ 13. เรื่องที่ 7. การละเล่นของไทย. สืบค้นจาก https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=13&chap=7&page=chap7.htm
สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 (ฉบับย่อ). สืบค้นจาก https://www.nesdc.go.th/download/document/SAC/NS_SumPlanOct2018.pdf สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564.
kannika nanimit. (2013). ประโยชน์ของการละเล่น.สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/karlalenphunbans/home/prayochn-khxng-kar-la-len สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2564.
Lertchanyarak, Oranuj. (2010). Communication and Information Management for Bangkok Elderly Participants. Paper accepted for presentation at International Conference Future Imperatives of Communication and Information for Development and Social Change.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
