การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์นวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร 2) เพื่อศึกษาต้นทุนค่าเสียโอกาสจากนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร และ 3) เพื่อประเมินผลการจัดกิจกรรมนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร งานวิจัยนี้มีวิธีดำเนินการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิจัยเชิงปริมาณด้วยวิธีการวิจัยประเมินผล สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ วัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ปราชญ์ชาวบ้าน อสม. และนักวิชาการ จำนวน 6 คน พิจารณาจากเกณฑ์ คือ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้านการละเล่นพื้นบ้านในจังหวัดกำแพงเพชร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณาเนื้อหา ในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินผลกิจกรรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1) พบว่า ผู้สูงอายุสามารถนำนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านของจังหวัดกำแพงเพชร “การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน” ไปใช้ประโยชน์ คือ ช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพ ความสามัคคี และสามารถนำมาใช้บูรณาการในการเรียนการสอน ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2) พบว่า ต้นทุนค่าเสียโอกาสจากนวัตกรรมการละเล่นพื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านเศรษฐกิจ คือ เด็กรุ่นหลังจะไม่สามารถทราบถึงเรื่องราววิถีชีวิต การค้าขาย ของคนในจังหวัดกำแพงเพชรในสมัยก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร 2. ด้านสังคม คือ ผู้สูงอายุไม่ค่อยมีโอกาสได้มาพบปะกันได้บ่อยเหมือนในอดีต 3. ด้านวัฒนธรรม คือ มีการเสียโอกาสในเรื่องของการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมจากเนื้อร้องในเพลง 4. ด้านสุขภาพ นวัตกรรมด้านการละเล่นพื้นบ้านก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าการเสียโอกาส และ 5. ด้านจิตใจ คือ จากการไม่ได้พบเจอและร่วมพูดคุยกันสามารถทำให้เสียโอกาสในด้านสุขภาพจิตที่ก่อให้เกิดความสุขทางใจ ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 3) พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีระดับความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดกิจกรรมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.757
เอกสารอ้างอิง
กาพย์ประภา สง่าใจ. (2564). กิจกรรมนันทนาการกลวิธีหนึ่งสู่การสูงวัยอย่างมีพลัง. วารสารสังคมภิวัฒน์. ปีที่ 11. ฉบับที่ 2. หน้า 1-14.
ชลาลัย วงศ์อารีย์. (2561). แนวทางการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ. สืบค้นจาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NRRU/article/view/245039 สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564.
เมธาวี จำเนียร และคณะ. (2563). การใช้สื่อการแสดงพื้นบ้านเพื่อการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุใน ยุคดิจิทัล. สืบค้นจาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/jpcru/article/view/225097 สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2564.
ศุภโชคชัย นันทศรี. (2564). การสร้างฐานข้อมูล นวัตกรรม และการใช้ประโยชน์จากการละเล่น พื้นบ้านสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร. วารสารวิชาการ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค. ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม 2564 หน้า 1-14.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 (ฉบับย่อ). สืบค้นจาก https://www.nesdc.go.th/download/document/SAC/NS_SumPlanOct2018.pdf สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564.
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (2516). เล่มที่ 23. เรื่องที่ 3. การละเล่นพื้นเมือง. สืบค้นจาก https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=23&chap=3&page=t23-3-infodetail01.html สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564.
กรรณิการ์ ณะนิมิตร. (2563). ประโยชน์ของการละเล่น. สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/karlalenphunbans/home/prayochn-khxng-kar-la-len สืบค้นเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2564.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
