มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับสัญญาของภาครัฐการใช้คำสั่งมิชอบโดยทุจริต
คำสำคัญ:
เจ้าหน้าที่ของรัฐ, สัญญาจ้าง, ทุจริตบทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาสัญญาจ้างของภาครัฐ ในระบบพนักงานราชการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 เป็นสัญญาจ้างกำหนดโดยภาครัฐฝ่ายเดียว ได้มีกำหนดการปฏิบัติหน้าที่และสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ สัญญาจ้างคู่สัญญาจ้างมีสถานะภาพนายจ้างกับลูกจ้างของภาครัฐ เป็นเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ จึงเป็นสัญญาทางปกครอง และภาครัฐได้ให้เอกสิทธิ์ในสัญญาจ้างของส่วนราชการของหน่วยงานราชการเป็นการเฉพาะ ฝ่ายปกครองมีการใช้คำสั่ง “ใช้ดุลพินิจ” หรือ “ให้พิจารณา” เพื่อความยืดหยุ่นของฝ่ายปกครองและประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และภาครัฐได้ “ให้เอกสิทธิ์ ในการใช้อำนาจได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยตำแหน่ง ในการออกคำสั่ง “ใช้ดุลพินิจ” หรือ “ให้พิจารณา” หรือภาครัฐ “ใช้เอกสิทธิ์” เด็ดขาดไม่มีในการปฏิบัติหน้าที่ และในการใช้อำนาจต้องเป็นไปตามกฎหมายของหลักเกณฑ์หลักนิติธรรมและหลักนิติรัฐ เป็นการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจนั้นต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานของความชอบธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมและความผาสุกของประชาชนโดยรวม
การปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อให้เกิดความชอบธรรมเกี่ยวกับสัญญาจ้างของภาครัฐในการใช้อำนาจที่ชอบธรรมได้อธิบายเจตนารมณ์ของมาตรา 157
เอกสารอ้างอิง
จตุรงค์ สิทธิวรกร. (มปป.). คำสั่งทางปกครองคืออะไร. กรุงเทพฯ: กรมการปกครอง.
วรพจน์ วิศรุตพิชญ์. (2540). หลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครอง (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วิญญูชน.
สำนักงานพระกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ส่วนที่ 1 47/111. (2555). หนังสือคู่มือการบริหารงานพนักงานราชการ. นนทบุรี: สำนักงานพระกรรมการข้าราชการพลเรือน.
สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2555). สัญญาทางปกครอง. (รายการวิทยุ) รายการรู้รักภาษาไทย. กรุงเทพฯ: สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
