การพัฒนาสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมบนสมาร์ทโฟน เรื่อง ระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ สำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมบนสมาร์ทโฟน เรื่อง ระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ สำหรับนักศึกษาชั้น ปวส.1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว ที่มีคุณภาพเหมาะสมและมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนจากสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมบนสมาร์ทโฟน เรื่องระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ สำหรับนักศึกษาชั้น ปวส.1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม บนสมาร์ทโฟน เรื่องระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ สำหรับนักศึกษาชั้น ปวส.1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้จากสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมบนสมาร์ทโฟน เรื่อง ระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ ของนักศึกษาขั้น ปวส.1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้น ปวส.1 สาขาการบัญชี วิทยาลัยการอาชีพแม่น้ำแคว ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2564 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาจากวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) สื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม บนสมาร์ทโฟน เรื่อง ระบบบัญชีเกี่ยวกับการซื้อ 2) แบบประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรู้ฯ และ 3) แบบทดสอบวัดความรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและ t-test for Independent Samples
           ผลการวิจัยพบว่า 1) สื่อการเรียนรู้มีคุณภาพในด้านเนื้อหามีค่าเฉลี่ยรวม เท่ากับ 4.66 มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก และมีคุณภาพในด้านเทคนิคและวิธีการมีค่าเฉลี่ยรวม เท่ากับ 4.63 มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมากผลการหาประสิทธิภาพได้ผลเท่ากับ 82.88/89.00 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้คือ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักศึกษาสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ 3) ดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของสื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมฯ มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.82 แสดงว่านักศึกษามีความรู้เพิ่มขึ้น 0.82 หรือคิดเป็นร้อยละ 82 และ 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยสื่อการเรียนรู้ฯ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด