กรณีการต่อทะเบียนรถที่ยังค้างชำระค่าปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 กรมการขนส่งทางบกสามารถระงับการออกหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ฉบับจริง ได้หรือไม่ ? (ผลของพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ต่อมาตรา 140และ 141 ของพระราชบัญญ
คำสำคัญ:
กรณีการต่อทะเบียนรถที่ยังค้างชำระค่าปรับ, พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522บทคัดย่อ
บทความวิชาการนี้ สะท้อนจากปัญหา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการที่ผู้ที่ได้รับใบสั่ง ในความผิด พระราชบัญญัติจราจรทางบก ไม่ไปชำระค่าปรับตามที่กำหนด จึงเป็นปัญหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พยายามแก้ไข ในปัญหาดังกล่าวแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ยังคงมีใบสั่งที่ค้างชำระค่าปรับ เป็นจำนวนมาก ในขณะที่ประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว มีการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองโดยทหาร ประเทศไทยจึงตกอยู่ภายใต้การปกครองโดยระบอบเผด็จการ และตั้งตนเองขึ้นมาปกครองประเทศภายใต้ชื่อว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และในเวลาดังกล่าว ได้มีการออกคำสั่ง โดยหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๔/๒๕๖๐ เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก โดยมีสาระสำคัญ ให้กรมขนส่งทางบกปฏิเสธการออกหลักฐานอันเป็นการเสียภาษีประจำปีแก่รถยนต์ที่ถูกใบสั่ง และยังไม่ดำเนินการชำระค่าปรับจนกว่าจะมีการชำระ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๖๐ เป็นต้นมา ต่อมาได้มี พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. ๒๕๖๕ กำหนดให้ความผิดทุกชนิดที่มีโทษปรับสถานเดียว เป็นความผิดทางพินัย และให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ อีกทั้ง กำหนดวิธีการดำเนินการ ขั้นตอนทางกฎหมายไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมีผลเป็นแก้ไข คำสั่งฉบับดังกล่าวของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั้นด้วย ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมขนส่งทางบก จึงไม่สามารถดำเนินการกับประชาชนตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ออกมาในปี ๒๕๖๐ ได้อีกต่อไป
เอกสารอ้างอิง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา www.lawreform Go.th/www.kritsdika.go.th
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
