การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM) ร่วมกับการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การจัดการเรียนรู้, การจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM), แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น, หน่วยของดีแวงน้อย, ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM) ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM) ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ t-test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM) ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันการจัดการเรียนรู้ หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยรวมอยู่ในระดับน้อย น้อย (ค่าเฉลี่ย = 2.37, S.D.= 0.59) และความต้องการในการจัดการเรียนรู้ หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย= 4.54, S.D.= 0.54) 2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้ (LOCAL STEM) ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น หน่วย ของดีแวงน้อย เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้มี 4 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการ 2)
เอกสารอ้างอิง
กิติมา ปัทมาวิไล, & สุเทพ อ่วมเจริญ. (2559). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เสริมสร้างทักษะการให้เหตุผล การแก้ปัญหาและการสื่อสารทางคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ., 9(3).
ธนภรณ์ ก้องเสียง. (2558). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์เสริมการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1: กรณีศึกษาโรงเรียนปราโมทวิทยารามอินทรา. วิทยานิพนธ์ ค.ม. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
นัสรินทร์ บือชา. (2558). ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชีววิทยา ความสามารถในการแก้ปัญหาและความพึงพอใจต่อการ จัดการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
นุชรี วงค์แก้ว(,ม.ป.ป.)คู่มือแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษา STEM Educationสำหรับ
ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษาปีที่6กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแพร
เบญญาภา คงมาลัย และ ศรเนตร อารีโสภณพิเชฐ. (2558). การพัฒนาสมรรถนะการจดัการ ความรู้
ของนิสิตนกัศึกษาระดับอุดมศึกษาในศตวรรษที่ 21. วารสารครุศาสตร์, 43 (1), 37 - 47.
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ2560-2564)
ศิริพร ครุฑกาศ, และคณะ, (2558).การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของทักษะการแก้ปัญหาในนักศึกษา
วิทยาลัยพยาบาล สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก,วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ,9(2).45-51
Morrison J. 2006. “TIES STEM Education Monograph Series: Atributes of STEM
Education”. Baltimore, MD:TIES, (2): 5.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2023-09-30 (2)
- 2024-08-31 (1)
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค และคณาจารย์ท่านอื่นๆในสถาบันฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
