การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและการเผชิญความตายในชุมชนเมือง
Main Article Content
บทคัดย่อ
ผู้ป่วยระยะท้ายในชุมชนเมืองเผชิญปัญหาที่ซับซ้อนหลากหลายมิติทั้งภาระทางการเงิน การขาดคนดูแล และความทุกข์ทางสังคม การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในชุมชนเมืองจึงมีความ จำเป็นอย่างมาก บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การศึกษาหลัก 2 ข้อ คือ 1) เพื่อศึกษารูปแบบที่ผู้ดูแลและคนในชุมชนปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในชุมชนเมือง 2) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคที่ผู้ดูแลและครอบครัวเผชิญในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในชุมชนเมือง งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ กลุ่มผู้ป่วยระยะท้ายและผู้ป่วยติดเตียง ผู้ดูแลผู้ป่วย สมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน และแกนนำชุมชน ใน 2 ชุมชนเมือง คือ ชุมชนช่างนาคและชุมชนวัดทองนพคุณ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เก็บข้อมูลในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - กันยายน พ.ศ. 2567 การเก็บข้อมูลจะเริ่มต้นจากครอบครัวที่มีผู้ป่วยระยะท้ายและผู้ป่วยติดเตียง จากนั้นจะเลือกผู้ให้ข้อมูลหลักด้วยวิธีการเลือกแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling Technique) จำนวนอย่างน้อย 10 คน ในแต่ละพื้นที่ งานวิจัยมีข้อค้นพบสำคัญได้แก่ แม้ในชุมชนจะมีโครงสร้างพื้นฐานการดูแลผู้ป่วย ระยะท้ายทั้งที่เป็นทางการดำเนินการโดยหน่วยงานภาครัฐกับที่ไม่เป็นทางการของจิตอาสาที่ช่วยดูแลผู้ป่วย แต่ยังขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง หน่วยงานด้านสุขภาพที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าภาพหลัก ในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่เป็นทางการในระดับชุมชน ทักษะความรู้ในการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายของผู้ดูแลเป็นความรู้จากประสบการณ์และผสมผสานกับความรู้ที่เจ้าหน้าที่สุขภาพแนะนำ ความไม่พร้อมทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาอุปสรรคหลักในการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย ผู้ป่วยระยะท้ายที่เข้าไม่ถึงสิทธิ ด้านการรักษาพยาบาล จะยิ่งเผชิญกับปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนและแก้ปัญหาที่เผชิญในการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย ได้ยากมากขึ้น บริบทชุมชนเมืองซึ่งครอบครัวมีลักษณะปิดและมีความเป็นส่วนตัวสูง ยิ่งทำให้ครอบครัวที่เข้าไม่ถึงสิทธิด้านการรักษาพยาบาลไม่มีความพร้อมด้านเศรษฐกิจ ขาดเครือข่ายทางสังคมที่กว้าง งานการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายจึงตกเป็นภาระหนักของสมาชิกครอบครัวเพียงลำพัง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารออนไลน์เล่มนี้เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวาระการเมืองและสังคม ความคิดเห็นและข้อถกเถียงที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน บรรณาธิการวารสารฯ ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับความคิดเห็นของผู้เขียนและไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับความคิดเห็นของผู้เขียน
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ และคณะ. (2555). วัฒนธรรม ความตาย กับวาระสุดท้ายของชีวิต: คู่มือเรียนรู้มิติสังคมของการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย. นนทบุรี: สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ.
ปิยะวรรณ โภคพลากรณ์. (2560). รูปแบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในประเทศไทย. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 26(3), 40–51.
เพียงพิมพ์ ปัณระสี, และภัทราบูลย์ นาคสู่สุข. (2565). การพัฒนารูปแบบการดูแลประคับประคองต่อเนื่องที่บ้านในเครือข่ายบริการปฐมภูมิ. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 32(1), 40–55.
ศิริรัตน์ ปานอุทัย, ทิพาพร วงศ์หงษ์กุล, ชมพูนุท ศรีรัตน์, ปัทมา โกมุทบุตร, และจุฑารัตน์ มีสุขโป. (2563). การสังเคราะห์ข้อเสนอระบบการดูแลแบบประคับประคองในเขตเมืองของจังหวัดเชียงใหม่. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
ศรีเวียง ไพโรจน์กุล. (2563). การดูแลแบบประคับประคองของประเทศไทย: การมุ่งสู่คุณภาพ. ใน ปฐมพร ศิรประภาศิริ และเดือนเพ็ญ ห่อรัตนาเรือง (บ.ก.), คู่มือการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและ
ระยะท้าย (สำหรับบุคลากรทางการแพทย์). นนทบุรี: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. สดสวย ทองมหา, กนกวรรณ ธนวรรณ, มัลลิกา มัติโก, และพิมพวัลย์ บุญมงคล. (2555). ประสบการณ์ของผู้ชายในฐานะผู้ดูแลในบริบทสังคมไทย. วารสารสหศาสตร์, 11(2), 70–95.
อุปทิน รุ่งอุทัยศิริ. (2550). การพัฒนาต้นแบบระบบการดูแลประคับประคองผู้ป่วยระยะสุดท้ายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 2(2), 1021–1030.
เอกภพ สิทธิวรรณธนะ. (2562). ชุมชนกรุณา: ที่มาและแนวคิด. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โครงการชุมชนกรุณาเพื่อการอยู่และตายดี กลุ่ม Peaceful Death.
ภาษาอังกฤษ
Farmer, P. (2004). Pathologies of power: Health, human rights, and the new war on the poor. Berkeley: University of California Press.
Kellehear, A. (2005). Compassionate Cities: Public Health and end-of-life care. London: Routledge.
Kellehear, A. (2016). The compassionate city charter: inviting the cultural and social sectors into end of life care. In Wegleitner, Klaus, Heimerl, Katharina and Kellehear, Allan. (Eds.) Compassionate Communities: Case studies from Britain and Europe. London: Routledge.
Kleinman, A. (2006). What Really Matters Living a Moral Life amidst Uncertainty and Danger. Oxford: Oxford University Press.
Kleinman, A. (2009). The Caregiving. In Van der Geest, Sjaak and Tankink, Marian (Eds.). Theory and Action: Essay for an anthropologist. Amsterdam: AMB Dieman.
Kleinman, A., Das, V. & Lock, M. (Eds.). (1997). Social suffering. Berkeley: University of California Press.
Kleinman, A. & Bridget, H (2008). Catastrophe, Caregiving and Today’s Biomedicine. BioSocieties, 3(3), 287-301.
Schuchter, Patrick and Heller, Andreas. (2016). Ethics from the bottom up: promoting netorks and participation through shared stories of care. In Wegleitner, Klaus, Heimerl, Katharina and Kellehear, Allan. (Eds.) Compassionate Communities: Case studies from Britain and Europe. London: Routledge.
Stonington, S. (2012). On ethical locations: The good death in Thailand, where ethics sit in places. Social Science and Medicine, 75(5), 836-44.
Stonington, S. (2020). The spirit ambulance: choreographing the end of life in Thailand. Berkley: University of California Press.
Stonington, S. & Ratanakul, P. (2006). Is There a Global Bioethics? End-of-Life in Thailand and the Case for Local Difference. PLoS Medicine, 3(10), 1-8
Van der Geest, S. (2010). Introducting ‘Care and Health Care’. Medische Antropologie, 22(1), 1-7