การศึกษาการสร้างตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์ เรื่อง แสงเชิงรังสี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยบทปฏิบัติการทดลองเสมือนจริง
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการสร้างตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์ เรื่อง แสงเชิงรังสี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยบทปฏิบัติการทดลองเสมือนจริง ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ภาคเรียนที่ 1/2566 จำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ แบบห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เสมือนจริง เรื่อง แสงเชิงรังสี ทั้งหมด 6 แผนการเรียนรู้ เวลาเรียนจำนวน 12 ชั่วโมง มีความเหมาะสมอยู่ ในระดับมากที่สุด และ 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์ เรื่อง แสงเชิงรังสี แบบอัตนัย จำนวน 4 ข้อ ที่มีค่าดัชนีความยากมีค่าอยู่ระหว่าง 0.46-0.70 และอำนาจจำแนกมีค่าอยู่ระหว่าง 0.41-0.83 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.974 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ในวงจรปฏิบัติการที่ 1 มีนักเรียนที่มีความสามารถนำตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์มาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครบทั้ง 3 ระดับ (ALL) จำนวน 11 คน (ร้อยละ 26.83) นักเรียนที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 30 คน (ร้อยละ 73.17) โดยนักเรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้เพียงระดับสัญลักษณ์ (SYM) วงจรปฏิบัติที่ 2 นักเรียนที่มีความสามารถนำตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์มาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครบทั้ง 3 ระดับ (ALL) เพิ่มขึ้นจำนวน 12 คน (ร้อยละ 40) และเหลือไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินจำนวน 18 คน (ร้อยละ 60) และวงจรปฏิบัติที่ 3 มีนักเรียนที่มีความสามารถนำตัวแทนความคิดทางฟิสิกส์มาอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครบทั้ง 3 ระดับ (ALL) เพิ่มอีกจำนวน 18 คน (ร้อยละ 100) ไม่เหลือผู้ไม่ผ่านเกณฑ์
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความที่ลงตีพิมพ์ทุกเรื่องได้รับการตรวจทางวิชาการโดยผู้ประเมินอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) สาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ท่าน ในรูปแบบ Double blind review
2. ข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นี้เป็นของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
3. กองบรรณาธิการวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอกแต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
เอกสารอ้างอิง
บุญเกื้อ ควรหาเวช. (2553). ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom). สืบค้น 14 เมษายน 2566 จาก http://www.st.ac.th/ av/inno_virtclass.htm.
ไพศาล วรคำ. (2566). การวิจัยทางการศึกษา Educational Research (พิมพ์ครั้งที่ 14). ตักสิลาการพิมพ์.
ยืน ภู่วรวรรณ. (2546). ไอซีทีเพื่อการศึกษาไทย. ซีเอ็ดยูเคชั่น.
ศักดิ์ศรี สุภาษร (2555). บทบาทของเมนทอลโมเดลในการเรียนรู้วิชาเคมีในระดับโมเลกุล. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 35(1), 1-7.
อัญชนา ภักดีวงษ์ และ อัมพร วัจนะ. (2564). การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการด้วยชุดกิจกรรมการทดลองแบบสืบเสาะบนเฟซบุ๊ก (Facebook) เรื่อง สารบริสุทธิ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการและวิจัยมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 11(2), 113-126.
Banda, H.J., Nzabahimana, J. (2023). The Impact of Physics Education Technology (PhET) Interactive Simulation-Based Learning on Motivation and Academic Achievement Among Malawian Physics Students. Journal of Science Education and Technology, 32(1), 127-141.
Bransford, J. D., Brown, A. L., & Cocking, R. R. (2000). How People Learn: Brain, Mind, Experience, and School. National Academy Press.
Erven H. Mosqueda, C. (2023). Effect of utilizing interactive virtual lab on students’ performance in physics. International Journal of Advanced Research, 11(5), 1718-1741.
Gilbert, J. K., & Treagust, D. F. (2009). Multiple representations in Chemical Education, Models and Modeling in Science Education (Vol.4). SPRINGER.
Gunawan, G., Nisrina, N., Suranti, N. M. Y., Herayanti, L. and Rahmatiah, R. (2018). Virtual Laboratory to Improve Students’ Conceptual Understanding in Physics Learning. Journal of Physics. Series 1, 1108(2018), 1-6.
Kozma, R. B. (2003). Technology and classroom practices. Journal of Research on Technology in Education, 36(1), 1-14.
Treagust D. F., Duit R., Fischer H. E. (2019). Multiple Representations in Physics Education (Vol 10). SPRINGER.
Treagust, D. F. (2008). The Role of Multiple Representations in Learning Science. In Lee Y. J. & Ten A. L. (Eds.), Science Education at the Nexus of Theory and Practice (pp. 7-23). Sense Publisher.
