แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา 2) ศึกษาความต้องการจำเป็นของภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา 3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนจำนวน 346 คน โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie and Morgan โดยวิธีสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ค่าความเชื่อมั่นแบบสอบถามเท่ากับ 0.907 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ การหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีลำดับความต้องการจำเป็น
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ความต้องการจำเป็นของภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมพบว่า ค่าดัชนีความต้องการจำเป็นสูงที่สุด คือ ด้านวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยี (PNI=0.625) 3) แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า การพัฒนาผู้นำเชิงเทคโนโลยีในด้านวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีมีความสำคัญในการกำหนดทิศทางและนโยบายของสถานศึกษา เพื่อให้โรงเรียนทันการเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์การพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนช่วยให้การใช้เทคโนโลยีมีเป้าหมายและสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาและดิจิทัลของชาติจากการประเมินพบว่า ด้านวิสัยทัศน์ทางเทคโนโลยีมีความจำเป็นสูงสุดและควรได้รับการพัฒนาเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญในการบริหารและการจัดการเรียนรู้หากขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาแนวทางการพัฒนาคือการสร้างความตระหนักรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เวิร์กช็อป การพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล การบริหารโรงเรียนอัจฉริยะ และการจัดทำแผนวิสัยทัศน์เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับบริบทจริงการสนับสนุนครูในการใช้เทคโนโลยีและการสร้างเครือข่ายผู้บริหารเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การติดตามและประเมินผลการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้นำทางเทคโนโลยีสามารถพัฒนาและปรับตัวได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความที่ลงตีพิมพ์ทุกเรื่องได้รับการตรวจทางวิชาการโดยผู้ประเมินอิสระ ผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) สาขาที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อย 3 ท่าน ในรูปแบบ Double blind review
2. ข้อคิดเห็นใด ๆ ของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นี้เป็นของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
3. กองบรรณาธิการวารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอกแต่ให้อ้างอิงแสดงที่มา
เอกสารอ้างอิง
กนกกาญณ์ สุรันนา. (2566). การประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงดิจิทัลของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามุกดาหาร (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่อง นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการปีงบประมาณ พ.ศ. 2564. กรุงเทพฯ: คุรุสภา.
จุฬาลักษณ์ สุวรรณพานิช และ จุลดิศ คัญทัพ. (2567). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในยุคดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี. วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ, 4(11), 27-41.
ชวิกา ทีเจริญ และเพ็ญวรา ชูประวัติ. (2562). สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 14(2),1-12.
ชัญญาภัค ใยดี. (2561). การศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำด้านเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา. วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 8(1), 150-164.
ชัยยนต์ เพาพาน. (2559). ผู้บริหารโรงเรียนยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21. วารสารคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, 1(1), 304-306.
ทอฝัน กรอบทอง. (2560). ตัวบ่งชี้ภาวะผู้นําของครูเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.
ธนกฤต พราหมน์นก. (2560). การศึกษาองค์ประกอบด้านภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 17(1), 43-53.
ธิดารัตน์ เหมือนสิงห์. (2559). ภาวะผู้นำทางเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
นิศาชล บํารุงภักดี. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นําทางเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผล โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสกลนคร (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
พักตร์วิไล ชำปฏิ พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน และพีรวัฒน์ ชัยสุข. (2567). ความต้องการจำเป็นภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วารสารบวรสหการ ศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์, 5(3), 481–489.
ลลนา ช่อมะลิ และชยากานต์ เรืองสุวรรณ. (2567). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำด้านเทคโนโลยีของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3. วารสารการบริหารการศึกษา มมร.วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 4(2), 242-256.
สุนันทา สมใจ และวิชุดา กิจธรรม. (2561). การบริหารสถานศึกษาด้วยภาวะผู้นำทางเทคโนโลยี.วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี, 12(1), 350-363.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น (พิมพ์ครั้งที่ 3) ฉบับปรับปรุง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สฤษดิ์พงษ์ ลิมปิษเฐียร และนิตยา ภัสสรศิริ. (2557). ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช.
สุกัญญา แช่มช้อย. (2558). ภาวะผู้นำทางเทคโนโลยี: การนำเทคโนโลยีสู่ห้องเรียนและโรงเรียนในศตวรรษที่ 21. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 16(4), 216-224.
อิทธิฤทธิ์ กลิ่นเดช. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงเทคโนโลยีกับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสระบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
Brown, T. J., & Blaustein, J. D. (1984). Inhibition of sexual behavior in female guinea pigs by a progestin receptor antagonist. Brain Research, 301(2), 343–349.
Burgess, C., & Kahn, M. (2021). Technology leadership in education: The role of the school principal. International Journal of Leadership in Education, 24(4), 520-534.