จริยธรรมการตีพิมพ์

จริยธรรมการตีพิมพ์ใน  Community and Social Development Journal
     Community and Social Development Journal  เป็นวารสารเพื่อรองรับงานวิจัยเพื่อชุมชน ทางด้าน Social Sciences โดยกำหนดแนวปฏิบัติและจริยธรรมการตีพิมพ์บทความเพื่อการดำเนินงานของวารสารให้ตีพิมพ์ได้อย่างถูกต้อง เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของวารสารที่ปรับแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและคำแนะนำขององค์กรชั้นนำด้านการตีพิมพ์ทางวิชาการ ได้แก่ คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ (COPE) ดังนี้

การประพันธ์บทความ :
1. การประพันธ์ควรจำกัดเฉพาะผลงานที่สำคัญในแนวคิด การออกแบบ การดำเนินการ หรือการตีความบทความที่ส่งมา บุคคลที่ไม่ได้มีส่วนสนับสนุนงานวิจัยไม่ควรระบุชื่อเป็นผู้เขียน เช่น การแก้ไขภาษาโดยไม่รับค่าจ้าง บุคคลดังกล่าวควรได้รับการกล่าวถึงในส่วนคำขอบคุณ
2. ผู้เขียนต้องพิจารณาและตกลงตามลำดับของผู้เขียนทั้งหมด และให้รายชื่อที่ชัดเจนเมื่อส่งบทความครั้งแรก บรรณาธิการจะพิจารณา การเพิ่ม ลบ หรือจัดเรียงผู้เขียนใหม่หลังจากส่งบทความครั้งแรกเฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้น ผู้เขียนทุกคนต้องเห็นด้วยกับการเพิ่ม ลบ หรือจัดเรียงใหม่ดังกล่าว
3. ผู้เขียนที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการรวมผู้เขียนร่วมและคำขอบคุณที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้เขียนยังต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เขียนร่วมทั้งหมดได้เห็นและอนุมัติบทความฉบับสมบูรณ์แล้ว และตกลงที่จะส่งบทความ
4. บทความจะต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษและต้องไม่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทหรือทำให้เสียชื่อเสียง

การพิจารณาทางจริยธรรม : การรายงานข้อกังวลด้านจริยธรรม วารสารมีอีเมลที่เป็นความลับสำหรับการรายงานข้อกังวลด้านจริยธรรม ผู้เขียน ผู้วิจารณ์ และผู้อ่านสามารถส่งข้อกังวลหรือข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางจริยธรรมได้โดยติดต่อสำนักงานบรรณาธิการ รายงานทั้งหมดจะได้รับการจัดการอย่างเป็นความลับและละเอียดอ่อน และจะดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อกังวลดังกล่าว ส่งมาที่อีเมล: research_cmru@hotmail.com

ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ : ผู้เขียนต้องเปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อการตีความผลลัพธ์ของตน ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ทางการเงิน ส่วนตัว หรือทางอาชีพที่อาจส่งผลต่อการวิจัยของตน

ความสมบูรณ์ของข้อมูล :
    การตรวจการลอกเลียนแบบ: วารสารใช้เครื่องมือตรวจการลอกเลียน "CopyCatch" หากต้นฉบับมีดัชนีความคล้ายคลึงเกิน 25% เราขอให้ผู้เขียนแก้ไข หากไม่แก้ไขอาจส่งผลให้ต้นฉบับถูกปฏิเสธ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดกระบวนการตรวจสอบ


การกำกับดูแลทางจริยธรรม : บทความที่มีการดำเนินเกี่ยวกับมนุษย์หรือในสัตว์ทดลอง ควรผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย โดยให้แนบหลักฐานการรับรองมาพร้อมบทความที่ส่งให้กับกองบรรณาธิการ หากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดทางจริยธรรมการวิจัยและกองบรรณาธิการได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการละเมิดจริง ผู้นิพนธ์บทความจะต้องถอนบทความ

ทรัพย์สินทางปัญญา : ผู้ประเมินจะต้องเคารพทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน และจะต้องไม่ใช้ข้อมูลใดๆ จากต้นฉบับเพื่อการวิจัยของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน

การแก้ไขหลังการตีพิมพ์ :  
    บรรณาธิการของวารสารหรือผู้เขียนบทความอาจถอนบทความที่ตีพิมพ์ได้ โดยวารสารและบรรณาธิการปฏิบัติตามแนวทางตามมาตรฐาน COPE (คณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์) ซึ่งหมายความว่าวารสาร CSDJ และบรรณาธิการจะพิจารณาเพิกถอนบทความในกรณีต่อไปนี้:
     มีการพิสูจน์ว่าบทความที่ตีพิมพ์มีข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อผิดพลาดร้ายแรง การกุเรื่องขึ้น หรือการปลอมแปลงข้อมูล มีการพิสูจน์ว่าบทความที่ตีพิมพ์มีลักษณะลอกเลียน หรือบทความที่ตีพิมพ์ในที่อื่นมาก่อนโดยไม่ได้ระบุแหล่งที่มาหรือได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์ซ้ำอย่างเหมาะสม พบว่าบทความที่ตีพิมพ์มีเนื้อหาหรือข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ มีการรายงานการวิจัยที่ผิดจริยธรรมหรือการประพฤติมิชอบในการวิจัย ผู้เขียนไม่ได้เปิดเผยความขัดแย้งทางผลประโยชน์หรือไม่ได้รับความยินยอมให้ตีพิมพ์จากนักวิจัยคนอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวิจัย หากสิ่งพิมพ์ถูกเพิกถอน
      วารสาร CSDJ และบรรณาธิการจะดำเนินการดังต่อไปนี้: ออกประกาศเพิกถอนที่ชัดเจนบนเว็บไซต์วารสาร CSDJ โดยระบุชื่อบทความ ชื่อผู้เขียน และเหตุผลในการเพิกถอน แจ้งการเพิกถอนต่อผู้มีอำนาจสูงสุดขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้เขียน ห้ามผู้เขียนบทความที่ถูกเพิกถอนเผยแพร่ในวารสาร CSDJ เป็นระยะเวลา 5 ปี

 

จริยธรรมใน  Community and Social Development Journal
บทบาทหน้าที่ของผู้เขียนบทความ

  
   1. วารสารขอให้ผู้เขียนบทความรับรองว่าผลงานที่ส่งมานั้นเป็นผลงานใหม่ของผู้เขียนบทความ ไม่คัดลอกผลงานวิชาการของผู้อื่น ไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา และไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน หากตรวจพบว่ามีการกระทำข้างต้นให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความในการละเมิดลิขสิทธิ์
     2. บทความที่ส่งมานั้นต้องไม่อยู่ในระหว่างการส่งไปวารสารอื่นเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ หากตรวจพบว่ามีการกระทำข้างต้นกองบรรณาธิการขอยกเลิกบทความดังกล่าว
     3. วารสารขอให้เขียนบทความวิจัยให้ถูกต้อง โดยยึดตามรูปแบบของวารสารที่กำหนดไว้ในคำแนะนำผู้เขียน   
     4. วารสารขอให้ผู้เขียนบทความมีการอ้างอิงทั้งส่วนเนื้อหาและรายการอ้างอิงท้ายบทความเมื่อนำผลงานของผู้อื่นมาอ้างอิง หากตรวจพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ให้ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียวในการละเมิดลิขสิทธิ์
     5. ผู้เขียนบทความที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำวิจัยเรื่องนั้นจริง 
     6. หากมีแหล่งทุนสนับสนุนงานวิจัยให้ระบุแหล่งทุนด้วย
     7. หากมีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ วารสารขอให้ผู้เขียนบทความระบุรายละเอียดผลประโยชน์ทับซ้อนดังกล่าวด้วย
     8. บทความที่เกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์หรือในสัตว์ทดลอง ควรผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย โดยให้แนบหลักฐานการรับรองมาพร้อมบทความที่ส่งให้กับกองบรรณาธิการ หากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดทางจริยธรรมการวิจัยและกองบรรณาธิการได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการละเมิดจริง ผู้นิพนธ์บทความจะต้องถอนบทความ
    9. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “ Community and Social Development Journal” ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

 บทบาทหน้าที่ของทีมบรรณาธิการ
    
1. ที่ปรึกษาวารสารมีหน้าที่พิจารณาให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการดำเนินงานด้านวารสารวิจัยราชภัฏเชียงใหม่
    2. บรรณาธิการวารสารมีหน้าที่เป็นแกนหลักเป็นหัวหน้าทีมกองบรรณาธิการในการพิจารณาและตรวจสอบบทความ พิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับเป้าหมายและขอบเขตของวารสาร รวมถึงตรวจสอบประเมินคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์
    3. กองบรรณาธิการวารสารเป็นกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นคณะทำงานของบรรณาธิการมีหน้าที่ในการพิจารณาและตรวจสอบบทความ พิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับเป้าหมายและขอบเขตของวารสาร รวมถึงตรวจสอบประเมินคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์
    4. หน้าที่ของทีมบรรณาธิการต่อผู้เขียนบทความและผู้ประเมินบทความ
         4.1  ไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้เขียนบทความและผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่น
         4.2  ตรวจสอบและปฏิเสธการตีพิมพ์บทความที่เคยเผยแพร่ที่อื่นมาแล้ว
         4.3  ต้องใช้หลักการพิจารณาบทความโดยอิงเหตุผลทางวิชาการเป็นหลัก และต้องไม่มีอคติต่อผู้เขียนบทความและบทความที่พิจารณาไม่ว่าด้วยกรณีใด
         4.4  ต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เขียนบทความหรือผู้ประเมินบทความ ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ในเชิงธุรกิจหรือนำไปเป็นผลงานทางวิชาการของตนเองหรือผลประโยชน์อื่นๆ
         4.5  ตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการของผู้อื่นในบทความ หากพบการคัดลอกผลงานดังกล่าวจะต้องหยุดกระบวนการประเมินบทความ และติดต่อผู้ผู้เขียนบทความเพื่อขอคำชี้แจง เพื่อประกอบการตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์บทความ
         4.6  ตรวจสอบขั้นตอนการประเมินบทความของวารสารให้เป็นความลับ มีความเป็นธรรม ปราศจากอคติ
         4.7  ตีพิมพ์เผยแพร่บทความที่ผ่านกระบวนการประเมินจากผู้ประเมินบทความแล้วเท่านั้น
         4.8  ต้องไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบทความและผลประเมินของผู้ประเมินบทความ 
         4.9  ต้องปฏิบัติตามกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ของวารสารอย่างเคร่งครัด

 บทบาทหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ
    1. ผู้ประเมินบทความต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์บทความ
   
2. ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในระหว่างการประเมินบทความ
    3. ต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากบทความที่ตนเองได้ทำการประเมิน
    4. ต้องตระหนักว่าตนเองเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของบทความที่รับประเมินอย่างแท้จริง
    5. หากพบว่าบทความมีความเหมือนหรือซ้ำซ้อนเป็นบทความที่คัดลอกผลงานชิ้นอื่น ผู้ประเมินต้องแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบทันที พร้อมแสดงหลักฐานประกอบที่ชัดเจน
    6. ผู้ประเมินบทความต้องรักษาระยะเวลาประเมินตามกรอบเวลาประเมินที่วารสารกำหนด