การสำรวจทัศนคติทางสังคมของชุมชนภาคเหนือที่มีต่อการเผาขยะ มูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2017.213840คำสำคัญ:
ทัศนคติทางสังคม, ชุมชนภาคเหนือ, การเผาขยะมูลฝอย, ที่พักอาศัยบทคัดย่อ
การสำรวจทัศนคติทางสังคมของชุมชนภาคเหนือที่มีต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับทัศนคติทางสังคมของชุมชนภาคเหนือที่มีต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย 2) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติทางสังคมของชุมชนภาคเหนือที่มีต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย และ 3) ศึกษาความแตกต่างระหว่างทัศนคติทางสังคมของกลุ่มวัยกลางคนกับวัยผู้สูงอายุที่มีต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย โดยกลุ่มตัวอย่างมีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนภาคเหนือเขตอำเภอเมืองและรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน จากพื้นที่จำนวน 80 หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น จำนวน 580 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่ การทดสอบไค-สแควร์ (Chi-Square test) การทดสอบของฟิชเชอร์ (Fisher’s exact test) และการทดสอบที (t- test)
ผลการวิจัยทัศนคติทางสังคมของชุมชนภาคเหนือที่มีต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัยโดยรวม พบว่า มีระดับทัศนคติเชิงบวก ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติทางสังคมต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ได้แก่ ปัจจัยที่ตั้งเขตที่พักอาศัย ปัจจัยการส่งเสริมความรู้เรื่องการกำจัดขยะมูลฝอย ปัจจัยการรับรู้ของชุมชนต่อการเผาขยะมูลฝอย ปัจจัยจิตสำนึกต่อการสร้างผลกระทบด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจัยทัศนคติต่อการงดเผาขยะมูลฝอย และปัจจัยพฤติกรรมการเผาขยะมูลฝอยในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มอายุ 40 – 60 ปี และ 60 ปีขึ้นไป พบว่า มีทัศนคติทางสังคมต่อการเผาขยะมูลฝอยในบริเวณที่พักอาศัย ไม่แตกต่างกัน
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมมลพิษ. 2560ข. สถานการณ์มลพิษประเทศไทย ปี 2559. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: http://www.pcd.go.th/publica/News/GetNews.cfm?task/ (3 กรกฎาคม 2560).
กัลยา วานิชย์บัญชา. 2553. หลักสถิติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .
ดำรงศักดิ์ แก้วเพ็ง. 2555. ชุมชน. สงขลา: บริษัท นำศิลป์โฆษณา จำกัด.
ทัศนีย์ ทองสว่าง. 2549. สังคมวิทยา. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้.เฮ้าส์.
ทิพวรรณ ประภามณฑล และคณะ. 2552. รายงานการวิจัยเรื่อง การประเมินผลกระทบจากการสัมผัสอนุภาคฝุ่นในอากาศในภาคเหนือตอนบนของประเทศ. เชียงใหม่: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ทิพวรรณ ประภามณฑล และคณะ. 2554. รายงานการวิจัย เรื่อง การขยายผลการวิจัยมลพิษทางอากาศและผลกระทบสุขภาพสู่ชุมชนเพื่อการเรียนรู้และลดแหล่งกำเนิดฝุ่นในอากาศในชุมชนภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย. เชียงใหม่:
ศูนย์วิจัยด้านมลภาวะและอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พีรนาฏ คิดดี อานุช แก้ววงค์ และสุดสาคร พุกงาม. 2550. รายงานการวิจัยเรื่อง ความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมในการจัดการขยะมูลฝอยของประชาชนในอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง. สงขลา: คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ศูนย์วิจัยและจัดการคุณภาพอากาศ. 2554. รายงานการวิจัยเรื่อง รายงานการทบทวนวรรณกรรมการเผาขยะชุมชนในที่โล่งและการจัดการ. เชียงใหม่: ศูนย์วิจัยและจัดการคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สถาบันวิจัยสังคม. 2555. การบริหารจัดการระบบกำจัดขยะแบบศูนย์รวมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. (ระบบออนไลน์).แหล่งข้อมูล: http:// www.sri.cmu.ac.th (2 ตุลาคม 2558).
วันวิสาข์ คงพิรุณ ศรัญญา ถี่ป้อม และวิโรจน์ จันทร. 2560. ปัจจัยทีมีผลต่อพฤติกรรมการจัดการ ขยะในหมู่บ้านโป่งปะ ตําบลแก่งโสภา อําเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 26(2), 310-321.
สัมชญา หนูทอง. 2556. ความรู้และพฤติกรรมการจัดการขยะมูลฝอยของผู้นำท้องถิ่น : กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี. ปัญหาพิเศษ รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
Coon, D. 1997. Essential of Psychology : Exploration and application. 7 th ed. Pacific Grove: Brooks/Cole.
Crooks, R.L. and Stein, J. 1991. Psychology: Science, Behavior, and Life. 2 th ed. Forth Worth: Holt, Reinehart & Winston.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



