การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาโดย กศน.ตำบล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเขตชานเมืองในจังหวัดเชียงใหม่
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2016.213901คำสำคัญ:
รูปแบบการจัดการศึกษา, การศึกษานอกระบบ, ครู, กศน.ตำบล, ผู้สูงอายุ, คุณภาพชีวิต, เขตชานเมืองบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษา โดย กศน.ตำบล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเขตชานเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ (2) พัฒนาครู กศน.ตำบล ด้านความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม/การปฏิบัติ ในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุของ กศน.ตำบล (3) ทดสอบและเปรียบเทียบผลการประเมินคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมในสังกัด กศน.อำเภอหางดงด้านความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม/ปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุเขตชานเมืองในจังหวัดเชียงใหม่
ในการวิจัย ผู้วิจัยได้กำหนดศึกษาเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เป็นการศึกษาวิจัยเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องและกรณีตัวอย่าง กศน.ตำบล ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล ครู กศน.ตำบล เจ้าหน้าที่งานส่งเสริมสวัสดิการชุมชน และ องค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 15 คน และสนทนากลุ่มเจาะจงผู้สูงอายุ จำนวน 60 คน แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์องค์ประกอบ พัฒนาเป็นรูปแบบจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและพัฒนาหลักสูตรการอบรมครู กศน.ตำบล ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบคือ กศน.ตำบล กลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุ ภาคีเครือข่าย โครงสร้างการทำงานระดับอำเภอและระดับตำบล งบประมาณ รูปแบบหลักสูตรโครงการ/กิจกรรมและตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ สำหรับระยะที่ 2 เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) ได้แก่ 1) การฝึกอบรมครู กลุ่มทดลอง จำนวน 2 คน โดยให้ความรู้พื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับผู้สูงอายุ การพาไปทัศนศึกษาดูงาน และให้ฝึกปฏิบัติกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้สูงอายุ วิทยากรกระบวนการ และการฝึกปฏิบัติด้วยตนเองจากสถานการณ์จริง และคู่มือการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย เปรียบเทียบคะแนนก่อนการอบรมและภายหลังการอบรม พบว่า ครูมีคะแนนด้านความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม/การปฏิบัติ สูงกว่าก่อนการอบรม 2) ทดสอบและเปรียบเทียบผลการประเมินคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมในสังกัด กศน.อำเภอหางดง ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ โดยทดลองใช้รูปแบบการจัดการศึกษาฯ ที่ได้พัฒนาขึ้นกับผู้สูงอายุของ กศน.ตำบล กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 115 คน แล้วนำผลการทดลองมาเปรียบเทียบผลระหว่างก่อนการทดลองและภายหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่า t-test พบว่า ผู้สูงอายุทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมก่อนเข้าร่วมกิจกรรมตามรูปแบบการจัดการศึกษาฯ ในด้านความรู้ มีคะแนนเฉลี่ยไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านทัศนคติ และด้านพฤติกรรม/การปฏิบัติ มีคะแนนเฉลี่ยแตกต่างกัน แต่หลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมตามรูปแบบการจัดการศึกษาฯ ปรากฏว่า ผู้สูงอายุในกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ย ด้านความรู้ ด้านทัศนคติ และด้านพฤติกรรม/การปฏิบัติสูงกว่าเดิม และสูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ประนอม โอทกานนท์ และคณะ. (ม.ป.ป.). การพัฒนาหลักสูตรอบรมทักษะการจัดการความรู้ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ. รายงานวิจัยคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี.
ระวี สัจจโสภณ. (2553). แนวคิดทางการศึกษาเพื่อพัฒนาภาวะพฤติพลังในผู้สูงอายุ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศศิพัฒน์ ยอดเพชร. (2549). แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์. (2555). การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พัฒนาพื้นที่ต้นแบบและปัจจัยสำคัญ กรุงเทพฯ: มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย.
สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. (ม.ป.ป.). การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในปัจจุบัน. (ระบบออนไลน์). แหล่งข้อมูล: https://panchalee.wordpress.com /2010/12/21/nfe_ac1/ (15 มกราคม 2558)
อาชัญญา รัตนอุบล และคณะ. (2555). การพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการจัดการศึกษา/การเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ. วารสารครุศาสตร์. 40(1): 14-28.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



