การพัฒนารูปแบบการสอนตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM) เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาที่ศึกษาในรายวิชาคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษา ในรายวิชาคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาก่อนและหลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษา และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาหลังได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษากลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษาสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ห้อง 1 จำนวน 31 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เครื่องมือที่ใช้ประกอบการดำเนินการวิจัยในครั้งนี้คือ 1) แผนการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดสะเต็มศึกษา 2) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับนักศึกษา และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติที่ใช้โดยการทดสอบที t–test Dependent samples
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. ผลการศึกษาการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบสะเต็มศึกษาในรายวิชาคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นก่อนการจัดการเรียนการสอน นักศึกษาดำเนินการทดสอบโดยใช้แบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ มีผลคะแนนเฉลี่ย x̄ = 10.90, S.D. = 2.30 หลังการจัดการเรียนการสอนดำเนินการทดสอบโดยใช้แบบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ชุดเดิมมีผลคะแนนสูงขึ้นเฉลี่ย x̄ = 22.77, S.D. = 2.93 และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนระหว่างก่อนและหลังการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษามีผลคะแนนพัฒนา โดยเฉลี่ย x̄ = 11.87, S.D. = 3.08 ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษา พบว่าหลังการจัดการเรียนการสอน มีทักษะการคิดวิเคราะห์สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านความพึงพอใจของนักศึกษาหลังได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบตามแนวคิดสะเต็มศึกษาโดยภาพรวมมีผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับพอใจมาก ทั้งนี้สามารถเรียงลำดับความพึงพอใจได้ ดังนี้ 1) ด้านอาจารย์ผู้สอน มีผลการประเมินอยู่ระดับพอใจอย่างยิ่ง 2) ด้านบทบาทผู้เรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับพอใจมาก และ 3) ด้านกระบวนการเรียนรู้ มีผลการประเมินอยู่ในระดับพอใจมาก
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
References
ทิศนา แขมมณี. (2554, 24 เมษายน). ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ:การบูรณาการในการจัดการเรียนรู้. เอกสารประกอบการบรรยายผลงานทางวิชาการในที่ประชุมสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง.
พรทิพย์ ศิริภัทรชัย. (2556, เมษายน-มิถุนายน). STEM Education กับการพัฒนาทักษะในศตวรรษ.วารสารนักบริหาร, 33(2), 1.
ภัสสร ติดมา. (2558). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เรื่องระบบร่างกายมนุษย์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมตามแนวทางสะเต็มศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.
มนตรี จุฬาวัฒนทล. (2556, พฤศจิกายน-ธันวาคม). สะเต็มศึกษาประเทศไทยและทูตสะเต็ม. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.), 42(185), 14-18.
วรัลดา หนูรุ่น. (2557). การวิจัยและพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โรงเรียนหงส์ประภาสประสิทธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต2. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี, สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา.
อดุลย์ วังศรีคูณ. (2557, มกราคม-มิถุนายน). การศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 : ผลผลิตและแนวทางการพัฒนา.วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 8(1).