ปัจจัยเชิงเหตุของการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตที่มีต่อทัศนคติทางเพศ ของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาความแตกต่างด้านลักษณะทางประชากรกับการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ต และทัศนคติทางเพศของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร (2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสัมพันธภาพในครอบครอบครัวและสัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อนกับการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ต (3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตในแต่ละประเภทกับทัศนคติทางเพศของวัยรุ่น และ (4) ศึกษาความสามารถของลักษณะทางประชากร สัมพันธภาพ ในครอบครัว สัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อน และการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ต ในการร่วมกันทำนายทัศนคติทางเพศของวัยรุ่น โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ วัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน มีค่าความเชื่อมั่นแบบสอดคล้องภายในของครอนบาค (Cornbrash) อยู่ระหว่าง 0.7415 ถึง 0.858 ผลการวิจัยพบว่า วัยรุ่นที่มีเพศ รายได้ ระดับการศึกษา สาขาวิชา และผลการเรียน (GPA.) ที่แตกต่างกัน มีการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตแตกต่างกัน และวัยรุ่นที่มีเพศ อายุ รายได้ ระดับการศึกษา สาขาวิชา ประเภทของสถาบัน และผลการเรียน (GPA.) ที่แตกต่างกัน มีทัศนคติทางเพศแตกต่างกัน อีกทั้งยังพบว่า สัมพันธภาพในครอบครัวมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ต ส่วนสัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อนมีความสัมพันธ์ทางลบกับการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตของวัยรุ่น และความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการเปิดรับเนื้อหาทางเพศบนสื่ออินเทอร์เน็ตในแต่ละประเภท มีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับทัศนคติทางเพศ โดยพบว่าปัจจัยที่สามารถทำนายทัศนคติทางเพศของวัยรุ่น ได้แก่ สัมพันธภาพในครอบครัว ผลการเรียน ประเภทของสถาบันการศึกษา และสัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อน โดยสามารถนำมาสร้างเป็นการทำนาย คือ ŷ = 1.425 + 0.536 (สัมพันธภาพในครอบครัว) + 0.160 (ผลการเรียน) -0.137 (ประเภทของสถาบันการศึกษา) – 0.148 (สัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อน) ซึ่งสามารถร่วมกันทำนายสมการได้ร้อยละ 34.5 และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเท่ากับ 0.588 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
I and co-author(s) certify that articles of this proposal had not yet been published and is not in the process of publication in journals or other published sources. I and co-author accept the rules of the manuscript consideration. Both agree that the editors have the right to consider and make recommendations to the appropriate source. With this rights offering articles that have been published to Panyapiwat Institute of Management. If there is a claim of copyright infringement on the part of the text or graphics that appear in the article. I and co-author(s) agree on sole responsibility.
References
กาญจนา แก้วเทพ. (2545). สื่อสารมวลชน: ทฤษฎีและแนวทางการศึกษา, กรุงเทพฯ: คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กิติกร มีทรัพย์. (2538), วัยรุ่นกับกลุ่มเพื่อน, เอกสารการสอนชุดวิชาพัฒนาการวัยรุ่นและการอบรม. นนทบุรี สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
กุหลาบ รัตนสัจธรรม, วิไล สถิตเสถียร, ถิรพงษ์ ถิรมนัส และพัชนี สุวรรณศรี. (2540), รายงานการวิจัย เรื่องสัมพันธภาพในครอบครัวกับปัญหายาเสพติดและพฤติกรรมทางเพศของนักศึกษาระดับอาชีวศึกษาในภาค ตะวันออก.โครงการพัฒนาภูมิปัญญาและการวิจัยเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์, สํานักนโยบายและแผน อุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร: สํานักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย.
จริญญา นิลแพทย์. (2541). ความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับข่าวสารด้านเนื้อหาบันเทิงและบุคคลในวงการบันเทิงที่มีต่อทัศนคติในเรื่องความรักและเพศสัมพันธ์ของเด็กวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร, วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
จารวี ยั่งยืน. (2549). สัมพันธภาพในครอบครัว สัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อน การเปิดรับเกมส์ออนไลน์ของนักเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเขตอําเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ, วิทยานิพนธ์ ศศ.ม., มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
จิรดา มหาเจริญ. (2547). การศึกษาพฤติกรรมและผลกระทบของการเปิดรับสื่อเกมออนไลน์ของนักเรียนมัธยมศึกษาในเขตอําเมือง จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญาวารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสื่อสารมวลชนคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ช่อผกา กิจเจริญทรัพย์. (2544). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่ผิดของนักศึกษามหาวิทยาลัย ในกรุงเทพมหานคร, ภาคนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์.
ชุลีพร อินทรไพบูลย์. (2536), ค่านิยมเกี่ยวกับพฤติกรรมในเรื่องเพศของนักเรียนวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร วิทยานิพนธ์สังคมศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล.
ชายไทย รักษาชาติ. (2548). การค้าหญิงกับมิติเรื่องเพศวิถีและสื่อลามกในอินเทอร์เน็ต. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร
มหาบัณฑิต สาขาวิชาสตรีศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดวงฤทัย พงศ์ไพฑูรย์. (2544). การเปิดรับข่าวสาร ความรู้ และทัศนคติเกี่ยวกับเพศศึกษาของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร,วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดวงหทัย นุ่มนวน. (2546). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาสังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ธนวรรณ แจ่มสุวรรณ. (2543). สื่อกับการกระทําความผิดทางเพศ: ศึกษาเฉพาะกรณีเรือนจํากลางคลองเปรม.วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. (2542) สถิติวิเคราะห์สําหรับการวิจัย พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นพพร พานิชสุข. (2522), รายงานผลการวิจัยเรื่องทัศนคติและความต้องการของอาจารย์และนักเรียนมัธยมสาธิตรามคําแหงในเรื่องการสอนเพศศึกษา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นิศารัตน์ ทองอุปการ. (2538), ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวและทัศนคติต่อเรื่องเพศของวัยรุ่นในเขตกรุงเทพมหานคร, วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปรมะ สตะเวทิน (2539), หลักนิเทศศาสตร์, กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประภาเพ็ญ สุวรรณ, ลักขณา เติมศิริกุลชัย, ภรณี วัฒนสมบูรณ์ และณัฐกมล ชาญสาธิตพร. (2541), การศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเยาวชนไทย. คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
พรทิพย์ วรกิจโภคาทร. (2529). แนวคิดลักษณะทางประชากรศาสตร์ เอกสารการสอนชุดวิชาหลักและทฤษฎีการสื่อสาร นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
พรพิมล เจียมนาครินทร์. (2539), พัฒนาการวัยรุ่น, กรุงเทพมหานคร: ต้นอ้อแกมม.
โพลชี้โจชายหญิงนิยมเซ็กซ์ผ่านเน็ต. (2550, พฤศจิกายน 20) หนังสือพิมพ์ข่าวสด, น. 1.
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2538), เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาส์น
วศิน บํารุงชีพ. (2552, พฤษภาคม 21) อินเทอร์เน็ต เซ็กซ์ ยาเสพติด ปัญหาวัยรุ่นไทยอย่ามองข้าม. หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์, น. 43.
วันทนีย์ วาสิกะสิน. (2526). ปัญหาพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์กับงานสังคมสงเคราะห์, กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วัชรภรณ์ รังสีกุลพิพัฒน์. (2546), รูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวที่มีผลต่อความรู้ และทัศนคติในเรื่องเพศ: ศึกษาเฉพาะกรณีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2540) จิตวิทยาพัฒนา. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์ประกายพรึก.
สกล วรเจริญศรี. (2545), การศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศของนักเรียนวัยรุ่น วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สํานักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. “รายงานผลการสํารวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือนปี 2556” สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2557, จาก http://www.nso.go.th
สุชา จันทร์เอม. (2541), จิตวิทยาเด็ก, กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช.
สุธาทิพย์ แสงวัฒนกุล. (2536) ทัศนคติของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหงที่มีต่อการปล่อยตัวทางเพศก่อนสมรส.วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ประชากรศึกษา) มหาวิทยาลัยมหิดล.
หน้ากระดาษบนฟ้า: การเติบโตของเฟสบุ๊ค. (2553, พฤษภาคม 16) กรุงเทพธุรกิจ, น. 11.
อรอุษา จันทรวิรุจ. (2544). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดสมุทรปราการ วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเอกสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์. (2538). ปัจจัยทางวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เสี่ยงของวัยรุ่น เอกสารทางวิชาการสภาประชากร. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
Cover Story. (2543, ธันวาคม), Corporate Thailand, น. 81.
Hoch, L., L. (1968). Attitude Change As A Fungtion of Sex Education in a High School General Biology Class. (Doctoral Dissertation). Available from ProQuest Dissertations and Thetabase (UMI No. 6906742)
Klapper, Joseph. T. (1960). The effect of mass communication. New York: The Free Press.
Nunnally, J.L. (1978). Psychometric Theory. (2nd ed.) New York: McGrew-Hell.
Pavlik, John V. (1995). New media technology. United Sate of America: A Simon & Schuster Company.
Sasse, Connie. R. (1994). Families Today. Illinois: Glencoe/McGraw-Hill.
Schermerhorn, John R., Jr., James G. Hunt and Richard N. Osborn. (2000). Organizational Behavior.(7th ed). New York: John Wiley & Sons.