การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model

Main Article Content

กันยาวีร์ ถิรคุนนิชนันท์
อัฐพล อินต๊ะเสนา

บทคัดย่อ

ทักษะด้านการอ่านสะกดคำเป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ เพราะการอ่านสะกดคำถือเป็นหัวใจสำคัญในการอ่านเพื่อนำไป   ต่อยอดสู่การเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้จึงมีความมุ่งหมาย 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75   2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนพระกุมารมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 23 คน ได้มาจากการคัดกรองโครงการคลินิกภาษา โดยการประเมินการทดสอบความสามารถพื้นฐานด้านการอ่านสะกดคำ ปีการศึกษา 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 8 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง  มีค่าดัชนีความเหมาะสมอยู่ระหว่าง 4.08 ถึง 4.82 โดยมีค่าเฉลี่ยผลรวม เท่ากับ 4.68 มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด โดยแบบวัดความสามารถ แบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ตอนที่ 2 แบบทดสอบการอ่านสะกดคำคำศัพท์มาตราตัวสะกด จำนวน 40 ข้อ มีเกณฑ์การประเมินคือ การอ่านถูกต้องตามอักขรวิธี การอ่านเพิ่มคำหรือเปลี่ยนคำ ความชัดเจนในการอ่าน การอ่านในเวลาที่กำหนด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


       ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษา มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 89.49/83.66 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนดไว้คือ 75/75 2) ผลการวิเคราะห์หาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาได้เท่ากับ 0.6813 หมายความว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model มีความสามารถในการอ่านสะกดคำที่เพิ่มขึ้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ถิรคุนนิชนันท์ ก., & อินต๊ะเสนา อ. (2025). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ Picture Word Inductive Model. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 19(1), 72–80. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/rmuj/article/view/280082
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท.จำกัด.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

ฉัตรกมล ประจวบลาภ. (2559). Game-Based Learning กับการพัฒนา การเรียนการสอนทางการพยาบาล. วารสารกองการพยาบาล, 43(2), 127-136.

ณริณฐ์พัชร คงแสงจันทร์. (2566). การเปรียบเทียบความสามารถการอ่านและเขียนสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบ Picture Word Inductive Model (PWIM) กับวิธีการสอนปกติ (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์). มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

ดนิตา ดวงวิไล. (2562). ภาษาและวัฒนธรรมสำหรับครู.มหาสารคาม: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

บันลือ พฤกษะวัน. (2532). มิติใหม่ในการสอนอ่าน. กรุงเทพฯ: สุวีธินาสาสน์.

ประเทิน มหาขันธ์. (2558). การสอนอ่านเบื้องต้น. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน.

สง่า วงค์ไชย. (2562). Picture Word Inductive Model: รูปแบบการสอนอ่านและเขียนสำหรับเด็ก. กรุงเทพฯ: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง.

วาสนา บุญสม. (2542). การส่งเสริมการอ่านบทประพันธ์ประเภทรอยแก้ว ระดับประถมศึกษา. มหาสารคาม: ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

อัมพวรรณ โคโตสี. (2550). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้และแบบฝึกทักษะการสะกดคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลศรีวิไล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 3 (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

Calhoun, S. (2017). Exclusives, equities and prosodic phrases in Samoan. Glossa a journal of general linguistics, 2(1), 11.