การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านเมืองเก่าตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
DOI:
https://doi.org/10.14456/rcmrj.2020.235821คำสำคัญ:
การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว, แผนที่ท่องเที่ยว, การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, ย่านเมืองเก่าตะกั่วป่าบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านเมืองเก่าตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการประชุมกลุ่มจากผู้ให้ข้อมูลจำนวน 12 คนประกอบด้วย คณะกรรมการชุมชน ผู้รู้ทางประวัติศาสตร์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังใช้การสัมภาษณ์แบบเชิงลึก วิธีการสังเกตแบบมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลจำแนกหมวดหมู่ ตีความ สร้างข้อสรุปผลด้วยการพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า เส้นทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ย่านเมืองเก่าตะกั่วป่าจัดแยกตามองค์ประกอบและระยะเวลาของนักท่องเที่ยว โดยกำหนดทิศทางในการพัฒนาต่อยอดสู่การจัดการท่องเที่ยวโดยอาศัยต้นทุนของพื้นที่เป็นหลัก ไม่ลดทอนหรือทำลายคุณค่าของชุมชนและขีดความสามารถในการจัดการฐานทางทรัพยากรทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ซึ่งมี 3 เส้นทางคือ 1) เส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์เป็นโปรแกรมแบบ 1 วันเต็ม One day tour 2) เส้นทางศึกษาเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นแบบครึ่งวัน Half day tour และ 3) เส้นทางศึกษาทางด้านสังคมเป็นโปรแกรมครึ่งวัน Half day tour
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา แสงลิ้มสุวรรณ และศรันยา แสงลิ้มสุวรรณ. (2555). การท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน. วารสารนักบริหาร, 32(4), 136-146.
เกรียงไกร เกิดศิริ. (2551). ชุมชนกับภูมิทัศน์วัฒนธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์อุษาคเนย์.
คมกฤช วงศ์กนิษฐ์. (2556). Sustainable Architecture. A New Design Paradigm?. Sustainable Design การออกแบบอย่างยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร: Simple Scale Publishing.
ชุมพล รอดแจ่ม. (2555). เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยราชพฤกษ์.
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2549). การพัฒนาและการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: เพรส แอนด์ ดีไซน์.
เบญญทิพย์ ทองวิไล. (2559). การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจของเส้นทางการท่องเที่ยวอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย. (การค้นคว้าอิสระหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว). มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. กรุงเทพมหานคร.
แผนพัฒนาจังหวัดพังงา. (2561). แผนพัฒนาจังหวัดพังงา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561-2564 (ฉบับปรับปรุง ปี 2561). กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด. พังงา.
รณรงค์ ชมพูพันธ์. (2553). แนวทางการจัดการภูมิทัศน์วัฒนธรรมและมรดกทางวัฒนธรรม กรณีศึกษา: เทศบาลนครลำปาง. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร. กรุงเทพมหานคร.
ฤทธิรงค์ จุฑาพฤฒิกร และวิรัตน์ รัตตากร. (2556). บทบาทของสถาบันการศึกษาและชุมชนในการมีส่วนร่วมกับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม: กรณีศึกษาชุมชนมอญวัดศาลาแดงเหนือ. เอกสารเสนอต่อที่ประชุมวิชาการระดับชาติ ICOMOS 2013 หัวข้อ “มรดกวัฒนธรรมเอเชียที่ถูกลืม: รู้รักษา สืบสาน”, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่. 15-16 ตุลาคม 2556.
วิภาวรรณ ปิ่นแก้ว. (2551). แนวทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพมหานคร.
ศรีศักร วัลลิโภดม. (2550). โครงการชุมชนท่องเที่ยวยั่งยืนในชุมชนบ้านบุและพื้นที่เกี่ยวเนื่อง. กรุงเทพมหานคร: กองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว.
ศรุติ โพธิ์ไทร และชวาพร ศักดิ์ศรี. (2555). การแปรเปลี่ยนภูมิทัศน์วัฒนธรรมลาวโซ่งหนองปรง: ที่ว่างอันเกี่ยวเนื่องกับประเพณี. กรุงเทพมหานคร: บีบีการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์.
เสริมศิริ นิลดำ, กษิดิศ ใจผาวัง, จิราพร ขุนศรี, เบญจวรรณ เบญจกรณ์, ศิริพรรณ จีนะบุญเรือง, นิเวศ จีนะบุญเรือง และพีรญา ชื่นวงศ์. (2560). การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยราชภัฏพระนคร สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 12(1), 26-37.
Lennon, J. Mathews, S. (1996). Cultural Landscape Management. Australia: Cultural Heritage working Group Australian Apes Liaison Committee.
Sauer, C.O. (1967). Land and Life: A Selection of The Writing of Carl Ortwin Sauer. Berkeley: Sullivan, L.E. and A. Edwards. (2004). Stewards of Scared. Washigton, DC: American Association of Museums. Svernsson, T.G. University of California Press.
Wagner P.L, & Mikesell M.W. (1962). Reading in Cultural Geography. Chicago: University of Chicago Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
1. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน “Community and Social Development Journal” ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ Community and Social Development Journal มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และเพื่อให้เผยแพร่บทความได้อย่างเหมาะสมผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เขียนยังคงถือครองลิขสิทธิ์บทความที่ตีพิมพ์ภายใต้ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (CC BY) ซึ่งอนุญาตให้เผยแพร่บทความซ้ำในแหล่งอื่นได้ โดยอ้างอิงต้องอ้งอิงบทความในวารสาร ผู้เขียนต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตผลิตซ้ำเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น
2. เนื้อหาบทความที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือร่วมรับผิดชอบใดๆ



