อิทธิพลการก่อตัวของขบวนการนักศึกษาในพม่า ในปี ค.ศ. 1974
คำสำคัญ:
นายพลเนวิน, แนวคิดสังคมนิยมแบบพม่า, ประชาธิปไตย, ขบวนการนักศึกษาพม่าบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการก่อตัวของขบวนการนักศึกษาในพม่า ในปี ค.ศ. 1974 เป็นการวิจัยตามแนวทางประวัติศาสตร์ด้วยการศึกษาเอกสารชั้นปฐมภูมิและทุติยภูมิ และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับอดีตนักศึกษาผู้มีประสบการณ์เข้าร่วมขบวนการนักศึกษาพม่าตั้งแต่ ค.ศ.1962-1990
ผลจากการศึกษาพบว่า อิทธิพลจากปัจจัยมีดังต่อไปนี้ (1) ด้านการเมืองการปกครองประเทศ การเมืองรัฐบาลทหารพม่ายังคงปกครองประเทศตามแนวทางสังคมนิยมของรัฐบาลนายพลเนวิน รวมทั้งมีการจัดทำรัฐธรรมนูญ ค.ศ.1974 ที่ยังคงรูปแบบการปกครองสังคมนิยมดังเดิม (2) ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลของนายพลเนวินได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นนโยบายเศรษฐกิจ ตามแผนสี่ปี หากแต่นโยบายดังกล่าวยังคงยึดแนวทางสังคมนิยมที่รัฐบาลทหารพม่าจะเป็นผู้กำดูแลทั้งหมดส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานออกมาประท้วงร่วมกับกลุ่มนักศึกษาด้วยและ (3) ด้านสังคม นักศึกษาพม่าได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดของระบอบประชาธิปไตย จากสถานีวิทยุของชาติตะวันตก สำนักข่าวของชาติตะวันตกปัญญาชน รวมถึงหนังสือ วรรณกรรม เรื่องสั้น โดยนำหลักการและแนวความคิดประชาธิปไตยถ่ายทอดให้แก่นักศึกษา ผู้วิจัยจึงนำเอากรอบแนวคิดของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเข้ามาอธิบายการเคลื่อนไหวของขบวนการของนักศึกษา โดยใช้ทฤษฎีระดมทรัพยากรภายใต้กรอบเงื่อนไขด้านองค์กรเคลื่อนไหวทางสังคม และนำทฤษฎีกระบวนการทางการเมืองวิเคราะห์การเคลื่อนไหวทางสังคม รวมทั้งใช้กรอบแนวคิดของขบวนการนักศึกษาในภูมิภาคเอเชียมองอิทธิพลของการก่อตัวขบวนการนักศึกษาพม่า
- บทนำ
ปรากฎการณ์การประท้วงและต่อต้านรัฐโดยมีผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มนักศึกษาและนักเรียน เริ่มขึ้นอีกครั้งในภูมิภาคเอเชีย ดังจะเห็นจากประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และพม่า โดยมีข้อเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลลงจากตำแหน่ง เรียกร้องการแก้ไขปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและศาสนา การประท้วงได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการประท้วง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบไม่มีแกนนำ การใช้ภาษาใหม่ที่สื่อสารระหว่างผู้ชุมนุม ไปจนถึงวิธีใช้แฟลชม็อบหรือม็อบฉับพลัน ซึ่งเป็นการนัดชุมนุมแบบพร้อมเพรียงกันอย่างกะทันหันและแยกย้ายหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนัก การใช้สัญญาณมือในการสื่อสารต่าง ๆ ในขบวนการรวมถึงการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดนที่เรียกเสียงสนับสนุนจากผู้คนในต่างประเทศ (ประชาไท, 2563)
ประวัติศาสตร์การเมืองของขบวนการนักศึกษาพม่าเริ่มก่อตัวพร้อมกับการตั้งมหาวิทยาลัยย่างกุ้งใน ค.ศ. 1920 นักศึกษามีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวจนทำให้พม่าได้รับเอกราชจากอาณานิคม ในปี ค.ศ. 1948 ภายหลังจากพม่าได้รับเอกราช กิจกรรมทางการเมืองของนักศึกษายังดำรงอยู่และกลับมามีบทบาทเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานกิจกรรมหลายอย่างถูกจำกัดลงเมื่อนายพลเนวินรัฐประหารก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดที่ควบรวมอำนาจตั้งรัฐบาลทหารและตั้งสภาปฏิวัติเป็นผู้ปกครองและมีอำนาจสูงสุดแทน ขณะเดียวกันได้ปรับเปลี่ยนให้พม่าเข้าสู่ระบอบสังคมนิยมด้วยการตั้งพรรคโครงสร้างนิยมพม่า (Burma Socialist Program Party; BSPP) เพื่อใช้สนับสนุนอำนาจทางการเมืองและเป็นเพียงพรรคเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงประกาศใช้นโยบายวิถีพม่าสู่ระบอบสังคมนิยม (Burmese Way to Socialism) และความเป็นชาตินิยมพม่า
นอกจากนี้ รัฐบาลนายพลเนวินได้ทำการปฏิรูปการศึกษาเพื่อต้องการสร้างรัฐที่เข้มแข้ง โดยมีประชาชนที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์เดียวจึงจะพัฒนาประเทศได้และรัฐได้ทำการขับไล่ชาวต่างชาติที่มีบทบาททางการศึกษาออกนอกประเทศ ทำให้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา จึงมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรด้วยการสร้างสำนึกความเป็นชาติ ถ่ายทอดแนวคิด อุดมการณ์ของสังคมนิยม ผ่านระบบการศึกษา รวมทั้งรัฐยังเข้าควบคุมสื่อทุกประเภท โดยรัฐอ้างถึงความสงบและเป็นระเบียบของบ้านเมือง เนื่องด้วยบริบทโลกที่ถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายภายใต้สงครามเย็นที่มีความแตกต่างกันทางอุดมการณ์ ซึ่งรัฐบาลนายพลเนวินดำเนินการปิดประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่แนวคิดทั้งสองอุดมการณ์เข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นผลให้ขบวนการนักศึกษาเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1974 รวมถึงปัจจัยภายนอก โลกได้เข้าสู่ยุคสงครามทางอุดมการณ์ระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ กับค่ายทุนนิยมเสรีที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ สงครามดังกล่าวถูกเรียกว่า สงครามเย็น งได้ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อโลกได้เข้าสู่ยุคสงครามทางอุดมการณ์ระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำกับค่ายทุนนิยมเสรีที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ สงครามดังกล่าวถูกเรียกว่า สงครามเย็น ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงสงครามเย็นพม่าประกาศตนว่า มีสถานะเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พม่าได้รับแนวความคิดระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมเพื่อเข้ามาแทนที่ในระบอบเผด็จการทหาร ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นอาจเป็นการส่วนหนึ่งของระดมคนและสร้างโอกาสทางการเมืองให้แก่กลุ่มนักศึกษาเพื่อใช้การประท้วง แต่เหตุการณ์อันเป็นชนวนที่ทำให้ประชาชนหันมาเข้าร่วมประท้วงครั้งใหญ่ เมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกธนบัตรราคา 25-35-75 จ๊าต ซึ่งเป็นการยกเลิกโดยไม่มีการชดเชยแต่ประการใด ธนบัตรราคาเหล่านี้รวมเป็นเงินประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของเงินทั้งหมดที่พอจะมีอยู่ในมือของชาวบ้าน (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 2533: 101) มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้คนในประเทศได้รับผลกระทบ ส่งผลให้มีการประท้วงจนกลายเป็นการประท้วงใหญ่ในปี ค.ศ. 1988
เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของพม่าที่ถูกเรียกสั้น ๆ ว่า เหตุการณ์ 8888 เป็นเหตุการณ์การประท้วงครั้งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1988 เพื่อเรียกร้องให้ยุติระบอบเผด็จการภายใต้การปกครองของนายพลเนวิน ต่อมาขบวนการเคลื่อนไหวได้เรียกร้องประชาธิปไตยที่แพร่ขยายไปทั่วประเทศ และถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่พม่าได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ.1948 โดยมีผู้นำเป็นกลุ่มนักศึกษา การประท้วงใหญ่ในปี ค.ศ. 1988 มีบุคคลสำคัญ คือ นางอองซาน ซูจี ซึ่งออกมาประท้วงร่วมด้วย เป็นจุดเริ่มต้นที่กลายเป็นสัญลักษณ์เพื่อการต่อสู้ในพม่า อันส่งผลให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงปราบปราบผู้ประท้วงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้นานาชาติรับรู้เหตุการณ์ความรุนแรงและประณามการกระทำของรัฐบาลทหาร รวมถึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพม่า เพราะอย่างน้อยที่สุดในเหตุการณ์นี้ทำให้นายพลเนวิน ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาล แต่กลุ่มนายทหารภายใต้ชื่อสภาฟื้นฟูกฎและระเบียบแห่งรัฐ (State Law and Order Restoration Council; SLORC) เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1988 ส่งผลให้สภาฟื้นฟูกฎและระเบียบแห่งรัฐ (SLORC) เป็นองค์กรสูงสุดในการปกครองประเทศ และทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ควบคุมและดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ (วีรศักดิ์ ฉัตรรุ่งนพคุณ, 2560: 45)
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 กองทัพพม่าภายใต้การนำของ พล.อ. มิน อ่อง หลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ก่อรัฐประหารขึ้น ทำให้นักศึกษาประชาชนและพระสงฆ์ในพม่าหันมาแสดงความไม่พอใจและเดินประท้วงเรียกร้องให้คณะนายทหารออกจากอำนาจ ดังนั้น พลังคนหนุ่มสาวในพม่าจึงเป็นกำลังหลักของการสร้างประชาธิปไตยในพม่า ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงตั้งคำถามว่า ขบวนการนักศึกษาพม่ามีปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมที่ส่งผลต่อการก่อตัวของขบวนการนักศึกษาในพม่า ในปี ค.ศ. 1974 รวมถึงรูปแบบการเคลื่อนไหวของนักศึกษากับภาคประชาชนที่นำสู่เหตุการณ์อย่างไร
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กัลย์ธีรา วิญญูวิจักขณ์. (2555). การพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคโครงสร้างสังคมนิยมพม่า ค.ศ. 1962-1988. สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. (2533). พม่า: ขบวนการนักศึกษากับประวัติศาสตร์อันระทึกใจ. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
นรนิติ เศรษฐบุตร. (2528). ทหารกับสังคมนิยมในพม่า. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ประชาไท. (24 ตุลาคม 2563). ทำไมผู้ประท้วงชาวไทยถึงปรับใช้ยุทธวิธีแบบของผู้ประท้วงฮ่องกง. สืบค้นวันที่ 5 พฤษภาคม 2561, จาก https://prachatai.com/journal/2020/10/90112
โม เอ. (2543). พม่าและข้าพเจ้า: สิบปีที่ผ่านพ้น. จิตราภรณ์ วนัสพงศ์ และธารา รินศานต์. (ผู้แปล). เชียงใหม่: เพื่อนไร้พรมแดนโครงการประสานความเข้าใจไทย-พม่า.
ลลิตา หาญวงษ์. (16 มีนาคม 2561). นักศึกษากับการเมืองสมัยใหม่ในพม่า. สืบค้นวันที่ 5 พฤษภาคม 2561, จาก https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_876079
ลลิตา หาญวงษ์. (21 มิถุนายน 2562). กำเนิดพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (5). สืบค้นวันที่ 5 พฤษภาคม 2561, จาก https://www.matichon.co.th/columnists/news_1544899
ละมัย พรมประทุม. (2555). การเปลี่ยนผ่านของเมียนมาร์: เงื่อนไขที่กองทัพถอยออกไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 21. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วีรศักดิ์ ฉัตรรุ่งนพคุณ. (2560). การรักษาอำนาจของรัฐบาลทหารเมียนมา ค.ศ. 1988-2008. วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Rives, Nang Mo Lao. (2014). University Students Activism in Burma/Myanmar During the 1980s. (Doctoral Dissertation). University of Kansas. Lawrence, Kansas.
Silverstein, J. (1977). Burma: Military Rule and the Politics of Stagnation. Ithaca, NY: Cornell University Press.
Steinberg, D. I. (2012). The Problem of Democracy in the Republic of the Union of Myanmar: Neither Nation-State nor State-nation? Southeast Asian Affairs. 220-237.
Taylor, R. H. (2009). The State in Myanmar. Singapore: National University of Singapore Press.
Weiss, M. L. and Aspinall, E. (2012). Student Activism in Asia: Between Protest and Powerlessness. Minneapolis, MN: University of Minnesota Press.
Htun Aung Gyaw. (2020). Professor. Interview. 8-27 July.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Journal of Philosophical Vision

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความวิชาการและบทความวิจัย ในวารสารฉบับนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์