บทบรรณาธิการ
วารสารรัชต์ภาคย์ (Rajapark Journal) ปีที่ 19 ฉบับที่ 64 กรกฎาคม - กันยายน พ.ศ. 2568 เป็นวารสารวิชาการในเครือสถาบันรัชต์ภาคย์ ได้รับการรับรองคุณภาพวารสารวิชาการจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย Thai-Journal Citation Index Center: TCI เป็นวารสารกลุ่มที่ 2 (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ระหว่างปี พ.ศ. 2568-2572
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่สำคัญ รายงาน “โอกาสใหม่ทางธุรกิจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย” ได้ฉายภาพภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยศักยภาพและแรงขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของ E-commerce การขยายตัวทางการค้าในระดับภูมิภาค และนโยบายภาครัฐที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างจริงจัง อุตสาหกรรมนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยถึง 4.95% ต่อปี และเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจโดยการขนส่งทางถนนมีสัดส่วนสูงเกือบ 80% ของปริมาณการขนส่งทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาพการเติบโตนี้ยังแฝงไว้ด้วยความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อน ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ซึ่งมีจำนวนมากถึงกว่า 40,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง ข้อจำกัดด้านเงินทุนและเทคโนโลยีและแรงกดดันจากคู่แข่งในอาเซียนที่มีศักยภาพสูง คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นในแวดวงวิชาการและภาคปฏิบัติจึงไม่ใช่แค่ “อุตสาหกรรมจะเติบโตไปในทิศทางใด” แต่ควรจะเป็น “ผู้ประกอบการไทยจะสร้างความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนในสมรภูมินี้ได้อย่างไร”
ในฉบับนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอบทความวิจัยของ สิรภพ วงศ์ลภัส ที่ค้นพบองค์ความรู้ใหม่เรื่อง “แบบจำลองผลการดำเนินงานทางธุรกิจของผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุกในประเทศไทย” ซึ่งนับเป็นการตอบโจทย์ความท้าทายข้างต้นได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสำรวจสถานการณ์ แต่เป็นการเจาะลึกเพื่อสร้าง “พิมพ์เขียว” แห่งความสำเร็จสำหรับผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพ (Q Mark) ผลการศึกษาของ สิรภพ วงศ์ลภัส ได้ให้ข้อค้นพบเชิงประจักษ์ที่ทรงคุณค่า แบบจำลองที่นำเสนอไม่เพียงแต่ยืนยันว่า “ทรัพยากรโลจิสติกส์” (Logistics Resources) ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านกายภาพ เทคโนโลยี และการจัดการ เป็นรากฐานสำคัญที่มีอิทธิพลทางตรงต่อผลการดำเนินงานทางธุรกิจ แต่ยังค้นพบกลไกที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือบทบาทของ “ความสามารถในนวัตกรรมด้านการให้บริการ” (Service Innovation Capability) ในฐานะ “ตัวแปรส่งผ่าน” (Mediating Variable) ที่ทรงพลัง

ข้อค้นพบนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่ผู้เล่นรายใหญ่เริ่มนำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่งานวิจัยของสิรภพชี้ให้เห็นว่า การมีเทคโนโลยี (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากร) เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากแต่กุญแจสำคัญอยู่ที่การแปลงทรัพยากรเหล่านั้นให้กลายเป็นนวัตกรรมในการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความร่วมมือในเครือข่าย การส่งเสริมวัฒนธรรมการถ่ายทอดความรู้ หรือการปรับปรุงบริการเชิงรุก ซึ่งจะนำไปสู่ผลการดำเนินงานทางธุรกิจที่เหนือกว่าในที่สุด
แบบจำลองนี้จึงเป็นมากกว่าแค่งานวิชาการ เพราะสามารถนำมาเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ซึ่งชี้แนะแนวทางให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่อาจมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร สามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้าง “ความสามารถเชิงนวัตกรรม” เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน นอกจากนี้ยังเป็นเสียงสะท้อนไปยังหน่วยงานภาครัฐและสมาคมที่เกี่ยวข้องว่า นโยบายสนับสนุนไม่ควรหยุดอยู่แค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือการเข้าถึงแหล่งทุน แต่ต้องส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมและการเรียนรู้ในหมู่ผู้ประกอบการด้วย
ทางกองบรรณาธิการวารสารรัชต์ภาคย์ พร้อมสนับสนุนนักวิชาการ อาจารย์ รวมไปถึงนักศึกษาที่มีความสนใจในการเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการ เพื่อเสริมคุณค่าและพัฒนาคุณภาพงานทางวิชาการในระดับชาติระดับนานาชาติ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม
ดร. ธันยนันท์ จันทร์ทรงพล
บรรณาธิการ
เผยแพร่แล้ว: 2025-08-31